- 5 พฤติกรรมเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี ปวดท้องข้างขวาแบบนี้ต้องเช็กอาการ
- 19 มกราคม 2561, 11:00 อ่าน: 2001
นิ่วในถุงน้ำดี อาการเป็นอย่างไร
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ เหมือนมีลมในท้อง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก
- แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก
- ปวดท้องข้างขวา (ใต้ชายโครงขวา) เป็นครั้งคราว
- ปวดท้องข้างขวาอย่างรุนแรง และมักจะปวดร้าวไปถึงสะบักด้านขวาร่วมด้วย
- มีไข้สูงเฉียบพลัน (ในกรณีที่มีการอักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลัน)
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้ม
- อุจจาระมีสีซีดลงเนื่องจากลำไส้ขาดน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดี พฤติกรรมไหนเสี่ยงเป็นบ้าง
1. คนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมัน อาหารคอเลสเตอรอลสูง
2. พฤติกรรมรับประทานอาหารประเภทไฟเบอร์ไม่เพียงพอ กินผัก ผลไม้น้อย
3. ผู้หญิงบางรายที่กินยาคุมกำเนิดเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการมีนิ่วในถุงน้ำดี เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงที่ได้รับเพิ่มจากยา อาจกระตุ้นการเพิ่มของปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดี ส่งผลให้เกิดการตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วได้ง่าย
4. การรับประทานยาลดไขมันบางชนิด
5. คนที่เร่งลดน้ำหนัก (น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว) เพราะจะทำให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากขึ้น ส่วนถุงน้ำดีก็จะบีบตัวน้อยลง ดังนั้นจึงมีน้ำดีค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น จึงมีโอกาสตกตะกอนจับตัวกันมากขึ้นตามไปด้วย
โดยพฤติกรรมเหล่านี้อาจไปเพิ่มปริมาณของคอเลสเตอรอล หรือบิลิรูบินในน้ำดีให้มีสัดส่วนสูงกว่าปกติ และปัจจัยบางส่วนก็ทำให้ถุงน้ำดีบีบขับน้ำดีได้น้อยลง ทำให้น้ำดีคั่งค้าง และจับเป็นผลึกนิ่ว
นิ่วในถุงน้ำดี ป้องกันได้ไหม
- พยายามรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วน
- หากอ้วน ให้เลือกวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ค่อย ๆ ลดน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักโหมจนน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ลดการกินอาหารไขมันสูง อาหารคอเลสเตอรอลสูง อาหารทอด
- หมั่นรับประทานผัก ผลไม้ อาหารกากใยสูงให้มาก
ข้อมูลจาก : หมอชาวบ้าน
Tags
Relatedที่เกี่ยวข้องอื่นๆ



